กดถูกใจเพจของเราเพื่อติดตามข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรม และสิทธิพิเศษสมาชิกได้ทันทีค่ะ


ทำนายฝัน

     ในสังคมไทยการทำนายฝันมีมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเชื่อว่าความฝันสามารถบ่งบอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตได้ การทำนายฝันจึงเกี่ยวโยงไปถึงหลายสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เลขเด็ด เลขมงคล ดูดวง การเสี่ยงโชคโดยตีความสิ่งที่ฝันเห็นเป็นตัวเลข จนทำให้การทำนายฝันเป็นส่วนหนึ่งของโหราศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวกับการทำนายอนาคต ทำนายโชคชะตาของบุคคลต่างๆ ทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น มีตำรับตำรามากมายเกี่ยวกับการทำนายฝันอีกด้วย

ความฝันคืออะไร

     ความฝัน เป็นภาวะการแสดงออกของความนึกคิด ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมองในขณะหลับ สมองจะฉายภาพของสิ่งต่างๆ ทั้งที่มีอยู่จริงและที่เกิดขึ้นจากจินตนาการ มักจะรวมถึงรูป รส กลิ่น เสียง และสิ่งที่เราสัมผัสได้ เรื่องราวในความฝันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่ต่อเนื่อง คาดเดาไม่ได้ และไม่มีเหตุผล ซึ่งนักวิจัยหลายๆ คนยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับความฝันได้ทั้งหมด แต่ก็มีทฤษฎีและความเชื่อเกี่ยวกับความฝันอยู่ไม่น้อย ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ได้ถกเถียงกันในประเด็นที่ว่าความฝันเกิดขึ้นได้อย่างไร จนออกมาเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย แตกต่างกันไป เช่น ความฝันเป็นกระบวนการจัดการความจำของสมอง ความฝันเป็นผลกระทบจากความคิด ความเครียด อารมณ์ หรือสิ่งที่เคยพบเห็น ความฝันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีและกระแสไฟฟ้าภายในสมอง รวมถึงความฝันยังอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยของร่างกายได้อีกด้วย เป็นต้น ความฝันสามารถเกิดขึ้นขณะใดก็ได้ในระหว่างนอนหลับ แต่มักเกิดขึ้นในช่วง REM หรือช่วงที่มีการเคลื่อนไหวดวงตาอย่างรวดเร็วขณะนอนหลับ เป็นช่วงที่สมองจะมีการตื่นตัวมากที่สุด


     โดยในอีกด้านหนึ่ง ความฝันมักถูกโยงเข้ากับสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น วิญญาณ การเห็นอนาคต โชคลาภ และลางร้าย ชาวกรีกและชาวโรมันโบราณเชื่อกันว่าความฝันคือสารจากพระเจ้า ชาวจีนมักเชื่อกันว่าความฝันคือหนทางไปเยือนสมาชิกในครอบครัวผู้ล่วงลับไปแล้ว ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันบางชนเผ่าและชาวเม็กซิกันที่เจริญแล้วเชื่อว่า ความฝันคืออีกโลกหนึ่งที่เราสามารถไปเยือนได้ในขณะที่หลับ ส่วนชาวยุโรปเชื่อกันว่าความฝันคือสิ่งชั่วร้ายและอาจชักนำให้คนหันไปทำสิ่งเลวร้ายได้ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีที่ว่าความฝันเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด

ประเภทของความฝัน

      ความฝันนั้นมีหลากหลายประเภทโดยสามารถแบ่งได้ ดังนี้

      ฝันแบบรู้ตัว (Lucid dream)

     ความฝันประเภทนี้เป็นความฝันที่ผู้ฝันทราบว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝัน บางคนสามารถควบคุมเรื่องราวในความฝันได้ ความฝันแบบรู้ตัวอาจเกิดจากการทำงานที่เพิ่มขึ้นของสมองส่วนจิตสำนึก ความรู้สึก ความจำ และภาษา ซึ่งโดยปกติสมองส่วนนี้จะทำงานน้อยลงหรือหยุดทำงานชั่วคราวในขณะหลับ ฝันแบบรู้ตัวเป็นภาวะของสมองระหว่างช่วง REM หรือช่วงมีการเคลื่อนไหวดวงตาอย่างรวดเร็วขณะนอนหลับ และในช่วงที่ใกล้ตื่นนอน โดยในช่วงนี้สมองจะมีการตื่นตัวมากที่สุด

      ฝันซ้ำ (Recurrent dream)

      ฝันซ้ำมักมีรูปแบบความฝันที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดหรือล้มเหลว อย่างการถูกทำร้าย ถูกไล่ล่า ถูกขัง ล้ม สอบตก หรือพลาดงานสำคัญ ฯลฯ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ฝันซ้ำอาจสะท้อนถึงปัญหาในชีวิตจริงที่ยังหาทางออกไม่ได้ ซึ่งอาจหายไปเองเมื่อปัญหานั้นคลี่คลาย หรือผู้ฝันมีแนวทางที่จะรับมือกับปัญหานั้น อีกรูปแบบหนึ่งของฝันซ้ำ คือ ในความฝันผู้ฝันอาจพูดไม่ได้ซึ่งอาจสะท้อนถึงความเขินอายและไม่กล้าแสดงออก

      ฝันร้าย

     ฝันร้ายเป็นการนิยามลักษณะของความฝันที่น่าหวาดกลัวหรือสร้างความรู้ในด้านลบกับผู้ที่ฝัน ฝันร้ายสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและฝันร้ายอาจสะท้อนหรือบ่งบอกถึงสิ่งที่น่ากังวลได้หลายอย่างในชีวิตจริง เช่น ความเครียด ประสบการณ์เลวร้ายที่ฝังใจ ความรู้สึกด้านลบ ปัญหาด้านสุขภาพ อย่างโรควิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า โรคเกี่ยวกับการนอนหลับ โรคไมเกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น โดยในขณะที่ฝันร้ายผู้ฝันอาจตะโกนหรือกรีดร้องออกมาในขณะหลับและอาจทำให้ตื่นขึ้นได้

     อย่างไรก็ตาม ความฝันนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสมองหรือความคิดเท่านั้น อาจมีเรื่องราวที่ทำให้เกิดความรู้สึกสนุก มีความสุข หรือความทุกข์ก็ได้ แต่ทั้งหมดนั้นล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น จึงไม่ควรตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลกับความฝันมากเกินไป แต่การเกิดฝันร้ายบ่อยครั้งอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางอารมณ์หรือสุขภาพ จึงควรหมั่นสังเกตสิ่งที่กระทบต่ออารมณ์และร่างกาย ซึ่งหากคุณรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากอาจไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องได้



ทํานายฝันแม่นยังกับตาเห็น ตามตัวอักษร